พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.๒๕๔๐
๑. วัตถุประสงค์หรือเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.๒๕๔๐
ตอบ ๑. เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสกว้างขวางในการได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินการต่างๆ ของรัฐเพื่อที่ประชาชนจะสามารถแสดงความคิดเห็นและใช้สิทธิทางการเมืองได้โดยถูกต้องกับความเป็นจริงรวมทั้งมีส่วนร่วมในกระบวนการบริหารและตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ
๒. เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารของราชการที่หน่วยงานของรัฐไม่ต้องเปิดเผยหรือไม่อาจเปิดเผย เพื่อให้ชัดเจนต่อการปฏิบัติ โดยจำกัดเฉพาะข้อมูลข่าวสารที่หากเปิดเผยแล้วจะเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติหรือต่อประโยชน์ที่สำคัญของเอกชน
๓. เพื่อคุ้มครองการรุกล้ำสิทธิส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลข่าวสารส่วนบุคลที่อยู่ในความครอบครองของของหน่วยงานของรัฐ
๒. “ข้อมูลข่าวสาร” หมายถึง
ตอบ สิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราว ข้อเท็จจริง ข้อมูล หรือสิ่งใดๆ ไม่ว่าการสื่อความหมายนั้นจะทำได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใดๆ และไม่ว่าจะได้จัดทำไว้ในรูปของเอกสาร แฟ้มรายงานหนังสือ แผนผัง แผนที่ ภาพวาด ภาพถ่าย ฟิล์ม การบันทึกภาพหรือเสียง การบันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือวิธีอื่นใดที่ทำให้สิ่งที่บันทึกไว้ปรากฏได้
๓. “ข้อมูลข่าวสารของราชการ” หมายถึง
ตอบ ข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐหรือข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเอกชน
๔. “หน่วยงานของรัฐ” ตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้ หมายถึง
ตอบ ราชการส่วนกลาง/ ราชการส่วนภูมิภาค/ ราชการส่วนท้องถิ่น/ รัฐวิสาหกิจ/ ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา/ศาล (เฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาคดี)/องค์กรควบคุมการประกอบวิชาชีพ/หน่วยงานอิสระของรัฐ และหน่วยงานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
๕. “ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล” หมายถึง
ตอบ ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของบุคคล เช่น การศึกษา ฐานะการเงิน ประวัติสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม หรือประวัติการทำงาน บรรดาที่มีชื่อของผู้นั้นหรือมีเลขหมาย รหัส หรือสิ่งบอกลักษณะอื่นที่ทำให้รู้ตัวผู้นั้นได้ เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ แผ่นบันทึกลักษณะเสียงของคนหรือรูปถ่าย และให้หมายความรวมถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของผู้ที่ถึงแก่กรรมแล้วด้วย
๖. หน่วยงานภาครัฐต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการให้ประชาชนรับรู้ ๓ วิธีการ ได้แก่
ตอบ ๑. เปิดเผยโดยนำข้อมูลพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา (มาตรา ๗)
๒. เปิดเผยโดยนำข้อมูลจัดเตรียมไว้ให้พร้อมสำหรับประชาชนเข้าตรวจดู (มาตรา ๙)
๓. เปิดเผยโดยจัดหาข้อมูลข่าวสารให้แก่ประชาชนที่มาขอเป็นการเฉพาะราย (มาตรา ๑๑)
๗. ข้อมูลข่าวสารของราชการที่ต้องพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา ตามมาตรา ๗ ได้แก่
ตอบ (๑) โครงสร้างและการจัดองค์กรในการดำเนินงาน
(๒) สรุปอำนาจหน้าที่ที่สำคัญและวิธีการดำเนินงาน
(๓) สถานที่ติดต่อเพื่อขอรับข้อมูลข่าวสาร หรือคำแนะนำในการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ
(๔) กฎ มติคณะรัฐมนตรี ข้อบังคับ คำสั่ง หนังสือเวียน ระเบียบ แบบแผน นโยบาย หรือการตีความ
ทั้งนี้ เฉพาะที่จัดให้มีขึ้นโดยมีสภาพอย่างกฎ เพื่อให้มีผลเป็นการทั่วไปต่อเอกชนที่เกี่ยวข้อง
(๕) ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด
๘. ข้อมูลข่าวสารของราชการที่หน่วยงานต้องจัดเตรียมไว้ให้พร้อมสำหรับประชาชนเข้าตรวจดู (มาตรา ๙) ได้แก่
ตอบ (๑) ผลการพิจารณาหรือคำวินิจฉัยที่มีผลโดยตรงต่อเอกชน
(๒) นโยบายหรือการตีความที่ไม่เข้าข่ายต้องลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา
(๓) แผนงาน โครงการ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีของปีที่กำลังดำเนินการ
(๔) คู่มือหรือคำสั่งเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีผลกระทบถึงสิทธิหน้าที่ของเอกชน
(๕) สิ่งพิมพ์ที่ได้มีการอ้างอิงถึงในราชกิจจานุเบกษา
(๖) สัญญาสัมปทาน สัญญาผูกขาดตัดตอน หรือสัญญาร่วมทุนกับเอกชนในการจัดทำบริการสาธารณะ
(๗) มติคณะรัฐมนตรี มติคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยกฎหมายหรือโดยมติคณะรัฐมนตรี
(๘) ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด เช่น ประกาศจัดซื้อจัดจ้าง และผลการพิจารณาจัดซื้อจัดจ้าง
๙. ข้อมูลข่าวสารที่ต้องจัดให้ตามที่มีผู้มาขอเป็นการเฉพาะราย ตามมาตรา ๑๑ ได้แก่
ตอบ กฎหมายมิได้จำกัดขอบเขตไว้ ถ้าไม่เป็นข้อมูลที่อาจมิให้เปิดเผยตามมาตรา๑๔ หรือ ๑๕
แล้วให้ถือเป็นหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐที่ต้องจัดหาให้ทั้งสิ้น เว้นแต่ ผู้นั้นขอจำนวนมากหรือบ่อยครั้งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
๑๐. ข้อมูลข่าวสารของราชการที่ไม่ต้องเปิดเผย ได้แก่
ตอบ ๑. ข้อมูลข่าวสารที่จะเปิดเผยมิได้ คือข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ (มาตรา ๑๔)
๒. ข้อมูลข่าวสารของราชการที่อาจมีคำสั่งมิให้เปิดเผย ได้แก่ ข้อมูลที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
(๑) การเปิดเผยจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความมั่นคงในทางเศรษฐกิจหรือการคลังของประเทศ
(๒) การเปิดเผยจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ หรือไม่อาจสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้
(๓) ความเห็นหรือคำแนะนำภายในหน่วยงานของรัฐในการดำเนินการเรื่องหนึ่งเรื่องใด
(๔) การเปิดเผยจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือความปลอดภัยของบุคคลหนึ่งบุคคลใด
(๕) รายงานการแพทย์หรือข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลซึ่งการเปิดเผยจะเป็นการรุกล้ำสิทธิส่วนบุคคลโดยไม่สมควร
(๖) มีกฎหมายคุ้มครองมิให้เปิดเผย หรือผู้ให้ข้อมูลไม่ประสงค์ให้นำไปเปิดเผยต่อผู้อื่น
(๗) กรณีอื่นตามที่กำหนดให้พระราชกฤษฎีกา
หน้าที่เข้าชม | 4,688,412 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 3,431,413 ครั้ง |
เปิดร้าน | 6 ส.ค. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 21 ต.ค. 2568 |